ข้อมูลทั้งหมดนี้เขียนจากประสบการณ์ส่วนตัวที่เราได้พบเจอมา หากมีการกระทบถึงใคร สามารถแจ้งให้ลบได้เลยนะคะ
27 สิงหาคม 2561 วันนี้เป็นวันแรกที่ ฝ่าย HR ของช่องวัน นัดไปสัมภาษณ์ฝึกงาน ต้องบอกก่อนเลยว่าเรากังวลมากๆเลย กลัวจะไม่ได้องค์กรที่ฝึกงานที่อยากเข้าฝึกแม้ว่าเราจะมีเวลาหาอยู่แต่เราอยากฝึกที่นี่ เราสนใจองค์กรแห่งนี้ เนื่องจาก gmm grammy เป็นองค์กรใหญ่มีหลายแผนก หลายฝ่ายและทำธุรกิจการบันเทิงในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น สถานีโทรทัศน์ดาวเทียม สถานีวิทยุ สื่อ ภาพยนต์ งานเพลง งานแสดงและอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าการที่เราได้เข้ามาฝึกงานในองค์กรใหญ่ๆนั้นนอกจากจะได้ประสบการณ์การทำงาน ได้เจอผู้คนที่หลากหลายรูปแบบ ได้รู้จักกันรับมือกับทุกคนที่ได้เจอกันในรูปแบบต่างๆนั้น มันจะทำให้เราก้าวหน้าในอนาคตได้ด้วย แล้วอย่างที่สอง ที่นี่เปิดรับนักศึกษาฝึกงานในหลายด้าน หลายแผนกมากๆ ซึ่งแผนกที่เราเข้าไปฝึกนั้น เป็นธุรการ Admin ในฝ่าย HR ของช่อง one เราตื่นเต้นมากแทบจะนอนไม่หลับเลย ไม่รู้ว่าจะโดนสัมภาษณ์ว่าอะไรบ้างจะโดนถามเกี่ยวกับอะไรบ้างเราก็เตรียมตัวไปคร่าวๆด้วยการศึกษาองค์กร ว่าทำธุรกิจอะไรบ้างใครเป็นผู้บริหารรวมไปถึงเหตุผลที่อยากที่จะมาฝึกแล้วก็คําถามอื่นๆที่เกี่ยวกับตัวเอง เกี่ยวกับกิจกรรมที่เคยทำ หรืองานที่เคยทำ
resume ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เกรดเฉลี่ยผลการเรียน เราเตรียมตัวไปค่อนข้างเยอะพอสมควรแล้วก็ยังไม่อุ่นใจอยู่ดีเราก็เลยลอง search Google หารีวิวการฝึกงานที่ gmm grammy จนได้เจอเขากับบล็อกหนึ่ง ที่ได้เขียนไดอารี่เกี่ยวกับการฝึกงานที่ GMM พอได้อ่านไดอารี่ก็รู้สึกว่าเราตัดสินใจไม่ผิดจริงๆที่อยากฝึกงานที่ GMM แห่งนี้ ในรีวิวบอกว่าเขาได้ พบกับการทำงานที่ หลากหลายได้เจอผู้คนที่หลากหลายได้เรียนรู้งานต่างๆทั้งยังได้เจอศิลปินที่ชอบด้วยและในท้ายของบล็อก เจ้าของบล็อกได้ทิ้งช่องทางการติดต่อทางโซเชียลเอาไว้เราก็เลยลองทักไปดู เราทักพี่เขาจาก Facebook ผ่าน Messenger ก็ลองได้คุยแล้วได้สอบถามเกี่ยวกับคำถามสัมภาษณ์ที่พี่เขาเจอมาเขาก็แนะนำเรามาดีมาก แล้ววันนี้วันที่เรามาสัมภาษณ์คำถามเหมือนกับพี่ๆเขาบอกเราทุกอย่างเลย ตอนที่โดนถามเรารู้สึกโล่งใจมากหายตื่นเต้นไปเยอะเลย พี่เจ้าของบล็อกที่เราอ่านมาเขาชื่อพี่เชน ปล. ต้องขอขอบคุณพี่เชนมากๆเลยนะคะ ที่ให้คำแนะนำกับหนู
>> บางคนคงอยากรู้ว่าเราได้คำถามอะไรบ้างในตอนที่พี่ฝ่าย HR สัมภาษณ์ คำถามก็ อย่างแรกเลยเขาบอกเราว่า แนะนำตัวให้ฟังหน่อย เราก็แนะนำตัวไปว่าเราชื่ออะไร ชื่อเล่นอะไร เรียนที่ไหน เรียนอยู่คณะอะไร แล้วเรียนสาขาอะไร เรามีความถนัดอะไร กิจกรรมที่ได้ทำในช่วงเรียนมหาลัย มีกิจกรรมอะไรบ้าง เราก็ยกตัวอย่างไป 3-4 กิจกรรม และเคยทำงานอะไรไหม??
เราก็เล่าให้พี่เขาฟังเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ที่ทำเวลาหลังเลิกเรียน แล้วเราก็โดนถามกลับมาว่า แล้วตอนนี้ยังทำงานพาร์ทไทม์อยู่ไหม?? งานพาร์ทไทม์ที่ทำนั้นทำเกี่ยวกับอะไร ทำงานด้านไหน เราก็เล่าให้พี่HR ฟัง แล้วก็บอกพี่เขาไปว่าตอนนี้เรารับเป็นงานฟรีแลนซ์ เขาก็ถามว่าเป็นฟรีแลนซ์เกี่ยวกับอะไร ทำอะไรบ้าง เราก็อธิบายให้ฟังว่าแล้วแต่งานเพราะว่าตอนนี้เรารับ ฟรีแลนซ์จากใน Line พวกกลุ่มบอร์ดงานต่างๆ ถ้ามีเวลาว่างตรงกับงานที่บอร์ดไว้เราก็จะสมัครไปทำ พี่เขาก็ถามว่า เราคิดว่าตัวเราเป็นคนที่มีความละเอียดไหม เราก็ตอบไปตามตรง ว่าเราคิดว่าเรามีความละเอียดเกี่ยวกับงานมากพอสมควร เพราะว่าเวลาที่มีการทำโปรเจคมีการทำงานกลุ่มนั้นเราจะเป็นฝ่ายคอยประสานงานสอบถามกับอาจารย์รับคำสั่งมาเพื่อมาบอกต่อกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อนร่วมงานและทุกครั้งที่มีการทำงานเราจะเป็นคนที่ คอยจัดการรูปเล่มคอยตรวจดูรูปเล่มก่อนส่งงานอาจารย์ทุกครั้ง เรียกได้ว่าเราจะมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องรูปเล่ม เรื่องเอกสารเป็นส่วนใหญ่ พี่เขาก็ชมว่าดี พี่เขาชอบคนที่มีความละเอียดในการทำงานเพราะว่างานที่เรามาฝึกนั้นเกี่ยวกับเอกสารและการประสานงานการที่ได้คนที่มีความละเอียดในการทำงานนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีมาก แล้วก็ยิ้มๆแล้วก็กล่าวขอบคุณเขาไป จากนั้นพี่เขาก็อธิบายคร่าวๆให้ฟังว่าการที่เราทำงานในด้านนี้เราจะเจอผู้คนหลากหลายรูปแบบมีทั้งคนที่คุยรู้เรื่องและคุยไม่รู้เรื่องเราที่อยู่ทำงานประเภทนี้แผนกนี้ จะต้องมีพื้นฐานคือเป็นคนใจเย็น และรอบคอบมากๆในการทำงานเพราะหากสื่อสารผิดพลาดหรือทำงานผิดพลาดจะส่งผลเสียอย่างมากต่องานนั้นและแผนกที่เราได้ประสานงานอยู่ด้วย เราก็ทำความเข้าใจเกี่ยวกับงานเข้าๆที่พี่เขาบอกว่าจะต้องทำอะไรบ้างยังไงบ้างและพี่เขาซีเรียสเรื่องอะไรไม่ชอบเด็กแบบไหน อะไรที่เราควรทำอะไรที่เราไม่ควรทำพี่เขาก็อธิบายให้เราฟังทั้งหมด ซึ่งพอเราได้ทำความเข้าใจเขาๆเราก็โอเค แล้วพี่เขาก็ถามมาว่าทำงานภายใต้แรงกดดันได้ไหมเราก็บอกว่าเราทำได้เพราะว่าเราทำงานมาหลากหลายรูปแบบแล้วทุกงานเป็นงานที่ต้องประสานงานกับคนพูดคุยกับคนและติดต่อกับคนเราเจอผู้คนที่หลากหลายมากการที่เรามีประสบการณ์การทำงานมาก่อนไม่ว่าจะเป็นพนักงานเซเว่นพนักงาน Part Time ในร้านอาหารในห้างพนักงาน PC สินค้าในห้าง เป็น staff งาน Event ต่างๆ หรือแม้กระทั่งเป็น Extra นักแสดงนั้นทำให้เราได้เจอผู้คนหลากหลายรูปแบบ และเรียนรู้ที่จะแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าและรู้จักที่จะ
เลือกใช้คำพูดต่างๆในการพูดคุยสื่อสาร เพื่อให้เกิดความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี เมื่อจบการสัมภาษณ์งาน พี่เขาก็จะแจ้งรายละเอียดว่า เราจะต้องเอาเอกสารอะไรไปยื่นให้กับ ผู้จัดการฝ่ายบุคคลบ้าง และสุดท้ายก่อนจบสัมภาษณ์เขาก็เปิดให้เราถามกลับว่าอยากรู้อะไรเพิ่มเติมไหม เราก็ถามเกี่ยวกับ เวลาการเข้างานการแต่งตัว การทำงานเพิ่มเติมในจุดที่เราต้องการรู้เพิ่มเติม ปล. เราเริ่มฝึกงานวันที่ 7 มกราคม 62 ถึง 26 เมษายน 62
แต่ในช่วงเดือนธันวานั้นพี่ HR
บอกว่า ฝ่ายบุคคลขาดนักศึกษาฝึกงานในช่วงนั้น จึงอยากให้เราเข้ามาช่วยงานก่อนที่จะเริ่มฝึกจริงๆ สำหรับเราเราโอเคนะ เราว่าดีมากด้วยที่เราได้รับโอกาสแบบนี้ เพราะมันทำให้เราได้เรียนรู้งานเร็วกว่าคนอื่นๆ ที่จะเข้ามาฝึกในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้เรามีประสบการณ์ที่แน่นและมีความแม่นยำในการทำงานมากขึ้น ปรับตัวกับที่ฝึกงานได้เร็ว เราจะได้ช่วยงานพี่ๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้นด้วย ####
-- จบการสัมภาษณ์จ้า --ปล.สุดท้าย นศ.ฝึกงานที่ได้เจอวันนี้ผู้ชายหล่อมากกกกก ผู้หญิงก็น่ารักมากด้วย งืมมมม~~ ไม่อ่อนโยนต่อใจเลย555555 เขิน>/<